ราคาโดยประเมิน
- ธนบัตรตัวอย่าง พิมพ์อังกฤษ สภาพ UNC ราคาประมาณ 22,500 - 23,700 บาท
- ธนบัตรตัวอย่าง พิมพ์ไทย สภาพ UNC ราคาประมาณ 6,600 - 7,000 บาท
- เลขธรรมดา สภาพ UNC ราคาประมาณ 190 - 250 บาท
ราคานี้อัพเดทเมื่อ 30 ตุลาคม 2560
ข้อมูลธนบัตร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 บริบูรณ์ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2530 ด้วยบุญญาธิการบารมี ฐานะการเงินระหว่างประเทศได้เข้าสู่ภาวะที่มั่นคง ธปท. เห็นเป็นการสมควรออกบัตรธนาคารเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ณ สมัยอันเป็นมงคลนี้
ธปท. ได้ออกแบบบัตรธนาคารชนิดราคา 60 บาท โดยออกแบบใหม่ทั้งหมด ประกาศออกใช้เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2530 และเริ่มจ่ายแลกในวันที่ 8 ธันวาคม 2530 ในราคาฉบับละ 60 บาท และใช้เป็นธนบัตรหมุนเวียนได้
ในยุคแรกที่มีการจ่ายแลกบัตรธนาคาร มีการใส่มาในซองและพิมพ์หน้าซองด้วยว่า บัตรธนาคาร รายได้สมทบทุนมูลนิธิเฉลิมพระเกียรติ โดยราคาจ่ายแลกเฉพาะบัตรธนาคารอยู่ที่ 60 บาท หากรวมซองบรรจุด้วยจะเป็นราคา 120 บาท ซึ่งราคาส่วนที่เพิ่มมานี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะนำไปสบทบทุนมูลนิธิเฉลิมพระเกียรติ แต่ในการจ่ายแลกในยุคหลัง ไม่มีการใส่ซองให้แล้ว
นี่คือบัตรธนาคารแบบเดียวที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย บัตรธนาคารอาจเป็นชื่อที่แปลกสำหรับคนไทย เพราะเราจะคุ้นเคยกับคำว่าธนบัตร บัตรธนาคารต่างจากธนบัตรคือ ธนบัตรออกโดยรัฐบาล เห็นได้จากที่ด้านหน้าธนบัตรจะพิมพ์คำว่ารัฐบาลไทยที่เราเห็นกันจนคุ้นเคย แต่บัตรธนาคารออกโดยธนาคาร ธนาคารที่ออกบัตรธนาคารจะเป็นผู้รับรองมูลค่าของบัตรธนาคารแต่ละฉบับ ผู้ถือบัตรธนาคารสามารถนำไปขึ้นเงินที่ธนาคารผู้ออกบัตรธนาคารนั้นได้ ซึ่งในประวัติศาสตร์การใช้เงินตราของไทยเราก็เคยมีบัตรธนาคารต่างประเทศที่ออกโดยธนาคารต่างชาติที่มาตั้งสำนักงานในไทย เช่น บัตรธนาคารอินโดจีน บัตรธนาคารชาร์เตอร์ บัตรธนาคารเอช เอส บี ซี ซึ่งบัตรธนาคารต่างชาติเหล่านี้ถูกใช้กันเฉพาะกลุ่มลูกค้าของธนาคารตั้งแต่ปี 2433 ซึ่งในยุคนั้นรัฐบาลยังไม่ได้มีการออกธนบัตรมาใช้ จนเมื่อรัฐบาลเริ่มออกธนบัตรใช้แล้วในปี 2445 ธนาคารต่างๆ จึงเรียกเก็บบัตรธนาคารคืน
ตามพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 ซึ่งเป็นปีที่มีการก่อตั้งธนาคารคารแห่งประเทศไทย กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีสิทธิ์ในการออกบัตรธนาคารเพื่อใช้ชำระหนี้ตามกฎหมายได้แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ประเทศมีฐานะการเงินที่มั่นคงจนเป็นที่ประจักษ์แจ้งแล้ว ซึ่งหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสงบลงในปี 2488 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ติดต่อบริษัทโธมัส เดอ ลารู ประเทศอังกฤษให้ออกแบบบัตรธนาคาร 5 ราคา คือ 1 บาท 5 บาท 10 บาท 50 บาท และ 100 บาท แต่ในครั้งนั้นไม่ได้ทำการจัดพิมพ์เพราะเกรงว่าประชาชนจะสับสนกับธนบัตรที่หมุนเวียนอยู่
จนกระทั่งปี 2530 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกบัตรธนาคารฉบับนี้เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ครบ 60 พรรษา ออกแบบและผลิตโดยโรงพิมพ์ธนบัตรในธนาคารแห่งประเทศไทย ขนาดของบัตรธนาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 159 x 159 มม. ในความหมายที่ว่า เลข 1 คือการออกบัตรธนาคารครั้งแรกของธนาคารแห่งประเทศไทย เลข 5 หมายถึงพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เลข 9 หมายถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 แม้ว่าบัตรธนาคารนี้จะสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่ประชาชนผู้แลกบัตรธนาคารนี้ไปก็มักไม่นิยมนำไปใช้จ่ายเพราะขนาดที่ใหญ่ จึงมักเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ขนาด
15.90 x 15.90 เซนติเมตร
จำนวนที่พิมพ์ออกใช้
9,999,999 ฉบับ หมายเลขที่พิมพ์คือ 0000001 - 9999999
ด้านหน้า
รูปด้านหน้าของบัตรธนาคารเป็นรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ประทับบนพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ด้านซ้ายของบัตรธนาคารเป็นภาพพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ด้านขวาเป็นรูปตราธนาคารแห่งประเทศไทย ด้านล่างซ้ายขวาเป็นลวดลายไทยช่อกนกเปลว สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากภาพถ่ายของบัตรธนาคารที่เห็นด้านบนมีด้วยกัน 4 สิ่ง คือ
- ลายน้ำรูปสามเหลี่ยมที่อยู่เหนือเลขอารบิค จะเห็นได้เมื่อยกส่องในที่สว่าง
- สีของพระราชลัญจกรที่จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีน้ำเงินเมื่อพลิกเปลี่ยนมุมมอง ความพิเศษนี้เกิดจากการริเริ่มใช้หมึกพิมพ์ชนิดใหม่ซึ่งมีราคาแพงโดยสั่งซื้อจากบริษัท ซิกปา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และหมึกพิมพ์ชนิดนี้ก็ได้ถูกนำมาใช้พิมพ์ธนบัตรชนิดราคาสูงในยุคต่อมา
- เส้นใยเรืองแสงสีแดงและสีน้ำเงินที่โรยอยู่ทั่วแผ่นซึ่งถูกโรยตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตกระดาษ ซึ่งกระดาษพิมพ์นี้ได้สั่งจ้างบริษัทซีเคียวริตี้พริ๊นติ้ง ประเทศเยอรมันให้เป็นผู้ผลิต เราจะสามารถเห็นเส้นใยเรืองแสงได้ก็ต่อเมื่อส่องกับหลอดแสงไฟเหนือม่วง
- แถบเส้นใยขนาดเล็กที่วิ่งจากบนลงล่างของบัตรธนาคาร เป็นแถบเส้นใยสลับเป็นสีธงชาติ ฝังอยู่ในเนื้อกระดาษ ซึ่งเป็นแถบเส้นใยที่ฝังในขั้นตอนการผลิตกระดาษพิมพ์เช่นเดียวกัน มีข้อความพิมพ์ในแถบเส้นใยคำว่า ทรงพระเจริญ เป็นระยะๆ ตลอดเส้น
ด้านหลัง
ด้านหลังของบัตรธนาคารเป็นรูปพระราชกรณียกิจเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปยังวัดไชโยวรวิหาร (วัดเซียน) อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2516 ทรงประทับอยู่ท่ามกลางพสกนิกร ด้านบนของภาพมีข้อความเขียนว่า "พระปฐมบรมราชโองการ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสบาม" ด้านล่างของภาพมีข้อความเขียนว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเจริญพระชนมพรรษาหกสิบบริบูรณ์ ในวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐ ด้วยพระบุญญาธิการบารมี ฐานะการเงินของประเทศได้เข้าสู่สภาวะที่มั่นคงเป็นที่ประจักษ์แจ้ง ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงเห็นเป็นการสมควรออกบัตรธนาคารให้ใช้เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายเป็นครั้งแรกเพื่อเฉลิมพระเกียรติ์ ณ สมัยอันเป็นมหามงคลนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยขอพระราชทานน้อมเกล้าถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ธนาคารแห่งประเทศไทย
ลายมือชื่อบนบัตรธนาคาร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
นายสุธี สิงห์เสน่ห์ (11 ส.ค. 2529 - 4 ส.ค. 2531)+(6 มี.ค. 2534 - 22 มี.ค. 2535)+(17 เม.ย. - 24 พ.ค. 2535)
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
นายกำจร สถิรกุล (14 ก.ย. 2527 - 5 มี.ค. 2533)
ข้อมูลอ้างอิง
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๔ ตอนที่ ๑๐๙ หน้า ๓๘๖๘ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๓๐