ธนบัตร 1 บาท รุ่น 1 (ปี 2477)
ธนบัตร 5 บาท รุ่น 1 (ปี 2477)
ธนบัตร 10 บาท รุ่น 1 (ปี 2477)
ธนบัตร 20 บาท รุ่น 1 (ปี 2478)
ราคาโดยประเมิน คลิกดูในธนบัตรแต่ละแบบ
ข้อมูลธนบัตร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2468 ในช่วงต้นรัชกาลยังคงมีการนำธนบัตรแบบที่ 2 ที่เพิ่งออกใช้เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 หรือก่อนที่พระองค์ขึ้นครองราชเพียง 4 เดือน ธนบัตรแบบที่ 2 ทุกชนิดราคาจึงได้นำออกใช้ในตลอดช่วงรัชกาล
แต่เนื่องจากการเปลี่ยนรัชกาลใหม่และเพื่อเตรียมการล่วงหน้าก่อนธนบัตรแบบ 2 จะหมดลง กระทรวงพระคลังมหาสมบัติจึงได้จัดหาบริษัทที่จะมารับพิมพ์ธนบัตรในปี 2471 และได้ตกลงจ้างบริษัทโทมัสเดอลารูเป็นผู้พิมพ์ธนบัตรแบบที่ 3 ให้
บริษัทโทมัสเดอลารูเป็นผู้เสนอรูปแบบการนำภาพบุคคลขึ้นเป็นภาพประธานเนื่องด้วยภาพบุคคลเหมาะแก่การพิมพ์เส้นนูนและมีรายละเอียดที่ยากต่อการปลอม จึงเห็นสมควรนำพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นภาพประธานบนธนบัตรตามอย่างธนบัตรในต่างประเทศ
ในระหว่างการดำเนินการจัดพิมพ์ธนบัตร คณะราษฎรได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบบประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 การดำเนินการด้านธนบัตรใหม่จึงล่าช้าออกไป และในปี 2477 จึงได้มีการทยอยนำธนบัตรแบบ 3 ออกใช้ในราคา 10 บาท 1 บาท และ 5 บาท ตามลำดับ ส่วนธนบัตรราคา 20 บาท ออกใช้ในปี 2478 หลังจากที่พระองค์ได้สละราชสมบัติเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2477 แล้ว
ธนบัตรแบบ 3 ยังคงใช้อย่างต่อเนื่องไปถึงในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 แต่เปลี่ยนภาพประธานด้านหน้าเป็นพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ 8 ซึ่งถือว่าเป็นธนบัตรแบบ 3 รุ่น 2
สืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 7 กรมกองต่างๆ จึงมีการเปลี่ยนชื่อใหม่ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น กระทรวงพระคลัง ในปี 2476 และในปลายปีเดียวกันเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2476 ก็มีประกาศใช้พระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงชื่อกระทรวง ทบวง กรม เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น กระทรวงการคลัง ดังนั้นตำแหน่งผู้มีอำนาจลงนามในธนบัตรแบบ 3 ราคา 10 บาท และ 1 บาทที่ได้นำออกใช้ก่อนการประกาศเปลี่ยนแปลงจึงเป็น เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ หลังจากการประกาศเปลี่ยนแปลงแล้วตำแหน่งจึงเปลี่ยนเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพระคลัง และเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เหมือนกับในธนบัตรราคา 5 บาท และ 20 บาทที่นำออกมาใช้ในลำดับหลัง